เมื่อเราต้องเจอกับภาวะวิกฤตในชีวิต เราจะทำอย่างไร
ชีวิตมนุษย์นั้นมีช่วงเวลาของมัน มีทั้งทุกข์และสุขปนไป
แต่เมื่อสุขเราก็จะรื่นเริงกับความสุขนั้น
ไม่คิดว่าจะมีวันที่ความทุกข์มาเยี่ยมเยือน ไม่เชื่อว่าจะมีความทุกข์เกิดขึ้นในโลก
ไม่ยอมรับความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากกัน ความเสื่อมในลาภยศและทรัพย์สิน
ทำให้เราเร่งมองหาแต่ความสุขไม่ยอมสัมผัสความทุกข์เลย ยิ่งหนีทุกข์ ก็ยิ่งขาดความสุข เราจะทำอย่างไรเมื่อเราต้องเจอกับภาวะวิกฤตในชีวิต
#เผชิญหน้าความจริงอย่างมีสติ
เราต้องยอมรับความจริงนั้นอย่างมีสติให้เร็วที่สุด
ถ้าเราไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น คอยแต่ทอดเวลาออกไปอีก ไม่เชื่อความจริง
เราก็จะหาวิธีแก้ปัญหานั้นไม่ได้ หากเราเห็นสิ่งที่ทุกข์ก็ต้องพิจารณาทุกข์นั้น
หนักหนาสาหัสแค่ไหน รับสัมผัสกับความเจ็บปวดในทุกข์ให้ได้
ให้รู้ว่าทุกข์ที่ได้รับนี้ เป็นอย่างไร เรียกว่าถ้าทุกข์เป็นน้ำผลไม้ ก็ต้องสัมผัสให้รู้สึกให้ได้ว่ามีรดชาดเป็นอย่างไร
เปรี้ยวไป หวานไป และต้องรู้ให้ได้ว่ามันประกอบด้วยอะไร จากนั้นก็ต้องกลืนกินเพื่อยอมรับในรดชาดของทุกข์ว่าเป็นเช่นนี้
และเราต้องยอมรับทุกข์นั้น เมื่อเรายอมรับทุกข์นั้น
สัมผัสกับมัน เราจะรู้ว่าทุกข์ที่เราทุกข์อยู่เป็นอย่างไร จิตใจเราจะเริ่มเปลี่ยนแปลง
เปิดกว้าง สติจะเกิด และหากเรายอมรับได้เร็ว
สติก็จะเกิดขึ้นเร็วทำให้เราค้นพบปัญหาของทุกข์นั้นได้
เพราะทุกข์นั้นเป็นของธรรมดาของโลก
#เรียนรู้กับสัจธรรมของชีวิต
อัชเชวะ
กิจจะมาตับปัง โก ธัญญา มะรณัง สุเว
“ควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะใครเลยจะรู้ว่า
ความตายจะมาเยือนในวันพรุ่งนี้” พระพุทธพจน์นี้เตือนใจให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
เราต้องเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต ไว้เสมอว่า
1. คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีความแก่เป็นธรรมดา
ไม่มีใครล่วงพ้นความแก่ไปได้
2. คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา
ไม่มีใครล่วงพ้นความเจ็บป่วยไปได้
3. คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีความตายเป็นธรรมดา
ไม่มีใครล่วงพ้นความตายไปได้
4. คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นธรรมดา
ไม่มีใครล่วงพ้นความความพลัดพรากจากสิ่งที่รักไปได้
5. คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีกรรมเป็นของตนเอง
เราทำกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่ว เราจะได้รับผลของกรรมนั้น
เราควรเรียนรู้และพิจารณาสัจธรรมของชีวิตอยู่เนืองๆ เพื่อเมื่อเกิดวิกฤตในชีวิตจะทำให้เราเห็นธรรมชาติของชีวิต
ทำให้เรามีสติรู้แก้ปัญหาชีวิตได้อย่างรวดเร็ว และต้องไม่ลืมพิจารณา การกระทำที่อุบัติขึ้นนั้นเป็นผลจากการกระทำของเราเอง
เช่นใจของเราเอง คิดเอง หากใจไม่คิดเราก็ไม่ทุกข์กับสิ่งนั้น เมื่อก่อกรรมสิ่งใด เราจะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น
ที่มา : สบตากับความตาย ว.วชิรเมธี
ภาพประกอบ :
0 comments:
แสดงความคิดเห็น